การจัดงานประชุมสัมมนาหรืองานอีเวนต์ต่างๆ นั้น การเลือก “อาหารว่าง” สำหรับช่วง “Coffee Break” ถือเป็นองค์ประกอบสำคัญที่จะช่วยเติมเต็มความสมบูรณ์แบบให้กับงาน ทั้งยังเป็นการแสดงน้ำใจไมตรีและสร้างความประทับใจให้แก่ผู้เข้าร่วมงานอีกด้วย ดังนั้นการเลือก “อาหารว่าง” จึงต้องพิถีพิถันและใส่ใจในรายละเอียด เพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้จัดและผู้เข้าร่วมงานให้มากที่สุด ซึ่งมีเทคนิคดังต่อไปนี้

• พิจารณาธีมหรือสไตล์ของงาน

ก่อนเลือกเมนู “อาหารว่าง Coffee Break” ผู้จัดงานต้องพิจารณาถึงธีมหรือสไตล์ของงานเป็นอันดับแรก เช่น

• งานสัมมนาเชิงวิชาการ “อาหารว่าง” ควรเป็นแบบเรียบง่าย ดูมีระดับ เช่น มินิแซนด์วิช ชีสและแครกเกอร์ ผลไม้ตัดแต่ง
• งานเลี้ยงสังสรรค์ อาจเลือก “อาหารว่าง”แนวสนุกสนาน อย่างพิซซ่า ทาร์ต มินิเบอร์เกอร์
• งานแต่งงาน “อาหารว่าง” ก็ควรดูหรูหรา พรีเมียม เช่น มาการอง ช็อกโกแลตสตรอว์เบอร์รี่ ทรัฟเฟิล เป็นต้น

การจัด ”อาหารว่าง” ให้สอดคล้องกับธีมงานจะช่วยเสริมบรรยากาศความเป็นเอกลักษณ์ให้งานนั้นๆ ได้เป็นอย่างดี

• คำนึงถึงความต้องการและข้อจำกัดของผู้เข้าร่วมงาน

นอกจากธีมงานแล้ว เรายังต้องรู้จักและเข้าใจกลุ่มผู้เข้าร่วมงานด้วยว่ามีความต้องการ รสนิยม หรือข้อจำกัดด้านอาหารอย่างไรบ้าง เช่น หากผู้ร่วมงานเป็นชาวต่างชาติ เราอาจต้องเลือก “อาหารว่าง” นานาชาติที่คุ้นเคยทานง่าย หากมีผู้ร่วมงานที่เป็นมุสลิม เราก็ต้องเตรียมอาหารฮาลาลหรืออาหารมังสวิรัติไว้ให้ด้วย หรือถ้าเป็นงานที่มีเด็กหรือผู้สูงอายุเข้าร่วม เมนู “อาหารว่าง” ของ “Coffee Break” ก็ต้องเลือกให้เหมาะกับวัย เช่น นมกล่อง ขนมปังไส้ต่างๆ ผลไม้หั่นชิ้นพอดีคำ การรู้จักและใส่ใจกับความต้องการเฉพาะของผู้ร่วมงาน จะช่วยให้เราวางแผนเลือก “อาหารว่าง” ที่ใช่และเป็นที่ถูกใจของทุกคนได้อย่างแน่นอน

• เลือก “อาหารว่าง” ที่หลากหลายและมีความสมดุล

อีกเทคนิคหนึ่งในการเลือก “อาหารว่าง” สำหรับ “Coffee Break” คือ ต้องมีความหลากหลายของประเภทอาหาร รสชาติ และเนื้อสัมผัส ในปริมาณที่พอเหมาะ เช่น ควรมีทั้งอาหารคาวและอาหารหวาน “อาหารว่าง” แบบผักและผลไม้ “อาหารว่าง” ที่มีโปรตีนหรือคาร์โบไฮเดรต “อาหารว่าง” เย็นๆ หรือร้อนๆ สลับกันไป เพื่อไม่ให้จำเจ น่าเบื่อ นอกจากนี้ควรคำนึงถึงคุณค่าทาง โภชนาการและแคลอรี่ให้มีความสมดุลด้วย ไม่ควรเน้นของทอด ของหวานมากเกินไป เพราะอาจทำให้ผู้ทานรู้สึกอิ่มเกินและไม่สบายท้องได้

• จัดเตรียม “อาหารว่าง” ให้เพียงพอและพร้อมเสิร์ฟตลอดงาน

สุดท้ายนี้ สิ่งที่ต้องคำนึงถึงคือ จำนวน “อาหารว่าง Coffee Break” ต้องมีเพียงพอกับปริมาณผู้เข้าร่วมงาน โดยควรสำรองเผื่อไว้ประมาณ 10-20% เพื่อให้บริการได้ครบถ้วนทั่วถึง ไม่ขาดมือ และต้องคำนวณเวลาในการจัดเตรียม ตลอดจนอุ่นและเสิร์ฟ “อาหารว่าง” ให้พอดีกับช่วงพักงานด้วย เพื่อให้อาหารมีความสดใหม่ น่ารับประทาน ไม่เย็นชืดหรือแห้งกรอบจนเกินไป นอกจากนี้ยังต้องจัดวาง “อาหารว่าง” ให้เป็นระเบียบ หยิบง่าย ไม่เกะกะ พร้อมอุปกรณ์ตักและจานชามที่เพียงพอสะอาดถูกสุขลักษณะ ก็จะช่วยอำนวยความสะดวกให้ผู้ร่วมงานได้ดียิ่งขึ้น

การเลือกเมนู “อาหารว่าง” สำหรับช่วง “Coffee Break” อาจจะดูเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่ก็ไม่ควรมองข้ามหรือทำแบบขอไปที เพราะเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยสร้างความประทับใจ และเติมเต็มพลังให้ผู้ร่วมงานได้อย่างดีเยี่ยม ดังนั้นเราจึงต้องใส่ใจกับทุกรายละเอียดในการเลือก “อาหารว่าง” โดยให้สอดคล้องกับรูปแบบงาน เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย มีความหลากหลายสมดุล และบริการได้อย่างเพียงพอทั่วถึงนั่นเอง รับรองว่าช่วง “Coffee Break” จะกลายเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ที่ทุกคนในงานจดจำได้ไม่รู้ลืมแน่นอนค่ะ และหากสนใจเมนู “อาหารว่าง” ติดต่อเรา Hug Catering ได้นะคะ เรามีเมนู “อาหารว่าง” จำนวนมาก พร้อมให้บริการค่ะ